หน้าเว็บ

18 พฤศจิกายน 2554

พื้นฐานรูปแบบการเล่นของทีมวอลเลย์บอล



วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมที่ประกอบด้วยผู้เล่นหลายคน ในการสร้างทีมวอลเลย์บอลจึงต้องพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ของการเล่นวอลเลย์บอลเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับทีม โดยองค์ประกอบในการเล่นที่ควรพิจารณาคือ
1. ตำแหน่งการเล่นของผู้เล่นในทีม
2. ตำแหน่งของผู้เล่นที่ลงสนาม 6 คน
3. รูปแบบการรับลูกเสริฟ
4. รูปแบบการรุก
5. รูปแบบการรองบอล
6. รูปแบบการรับตำแหน่งของผู้เล่นในทีมกระบวนการเริ่มแรกของการสร้างทีมวอลเลย์บอลเลย...

การยืนตำแหน่งหลังจากการเสริฟ                                         
เมื่อทีมเป็นฝ่ายได้สิทธิ์ในการเสริฟ หลังจากที่ผู้เล่นเสริฟบอลไปแล้วผู้เล่นทุกคนจะต้องยืนประจำตำแหน่งของตนเองเพื่อเตรียมทำการป้องกันการรุกของคู่ต่อสู้ โดยทั่วไปรูปแบบของตำแหน่งหลังจากการเสริฟมีดังนี้
รูปแบบที่ 1




รูปแบบที่ 2
การรับลูกเสริฟ
การรับลูกเสริฟเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเล่นเป็นทักษะที่มีผลต่อการรุกของทีม หากการรับลูกเสริฟของทีมไม่มีประสิทธิภาพ โอกาสในการรุกทำคะแนนของทีมจะลดน้อยลงทันที
หลักการของการรับลูกเสริฟ – เป้าหมายของการรับลูกเสริฟคือการบังคับลูกบอลให้ลอยไปยังพื้นที่การเซตของผู้เล่นตัวเซตบริเวณหน้าตาข่าย ซึ่งในสถานการณ์แข่งขันผู้เล่นตัวเซตจะอยู่บริเวณส่วนใดหน้าตาข่ายอาจขึ้นอยู่กับแผนการรุก ไม่จำเป็นที่ผู้เล่นตัวเซตจะต้องอยู่ระหว่างตำแหน่ง 2 และ 3 เท่านั้น (ดูภาพประกอบ)

ตำแหน่งการยืนรับลูกเสริฟจะขึ้นอยู่กับความสามารถ ลักษณะการเสริฟของผู้เสริฟว่าเป็นอย่างไร หนัก เบา สั้นหรือยาว (ภาพประกอบ)
ทิศทางการเคลื่อนที่ในการรับลูกเสริฟ – การเคลื่อนที่รับลูกเสริฟ ผู้เล่นแต่ละตำแหน่งจะเคลื่อนที่ในแนวทแยงมุม 45 องศา

รูปแบบการรับลูกเสริฟ
รูปแบบการรับลูกเสริฟมีหลายรูปแบบในการเลือกใช้รูปแบบใดต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับความสามารถในการรับของผู้เล่นในทีม ระบบการรุกที่ทีมเลือกใช้
การรับแบบตัวเอ็ม W
การรับแบบตัวเอ็ม M
การรับแบบ Roof
การรุก
การรุกหรือโจมตีในกีฬาวอลเลย์บอลมี 2 วิธีหลักๆ คือ การตบและการหยอด ซึ่งการตบหรือหยอดก็จะมีหลากหลายรูปแบบ การใช้วิธีการตบลักษณะใดขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เล่น ประสบการณ์และคู่ต่อสู้
การตบบอลลักษณะต่าง ๆ
1. การตบบอลที่เซตสูง
2. การตบบอลเร็วหัวเสา








3. การตบบอลเร็วแบบต่างๆ
บอลเร็วหน้า (A หน้า) – กระโดดตบหน้าตัวเซตประมาณ 1 เมตร และกระโดดก่อนตัวเซตจะเซตบอล
บอลเร็วหลัง (
A หลัง) - กระโดดตบหลังตัวเซตประมาณ 1 เมตร และกระโดดก่อนตัวเซตจะเซตบอล
บอลเร็วหน้าห่างตัวเซต (
X หน้า) – กระโดดตบหน้าตัวเซตประมาณ 2-3 เมตร กระโดดพร้อมตัวเซตเซตบอล
บอลเร็วหน้าห่างตัวเซต (
X หลัง)  กระโดดตบหลังตัวเซตประมาณ 2-3 เมตร กระโดดพร้อมตัวเซตเซตบอล
การรับตบ
ระบบการตั้งรับ
ระบบการตั้งรับมีหลายแบบโดยพิจารณาจากความสามารถของผู้เล่น ระบบการสกัดกั้นของทีมจำนวนผู้สกัดกั้นการรุกของคู่ต่อสู้โดยทั่วไปจะมีดังนี้
1. การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 1 คน
2. การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 2 คน
3. การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 3 คน
การตั้งรับโดยมีผู้เล่นสกัดกั้น 2 คน             
การสกัดกั้นโดยใช้ผู้เล่น 2 คน เป็นระบบการสกัดกั้นพื้นฐานที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการแข่งขันปัจจุบัน การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 2 คนจากการรุกของคู่ต่อสู้ในลักษณะต่าง ๆ มีรูปแบบดังนี้
การตั้งรับการรุกจากหน้าซ้าย (หัวเสา)
ในการแข่งขันเรามักจะพบการรุกจากหัวเสามากที่สุดด้วยปัจจัยหลายอย่าง จากภาพประกอบรูปแบบ


การตั้งรับการรุกจากหัวเสาผู้เล่นตำแหน่ง 1 (หลังขวา) จะยืนห่างจากเส้นรุกประมาณ 2-3 เมตร ผู้เล่นตำแหน่ง 4 (หน้าซ้าย) จะต้องถอยมาตั้งรับบริเวณเส้นรุก
การตั้งรับการรุกจากหน้าซ้าย (หัวเสา)
ผู้เล่นตำแหน่ง 3 (กลางหน้า) ถอยลงมารอรับลูกหยอด
การตั้งรับการรุกจากหน้าขวา (หัวเสาหลังตัวเซต) และตรงกลาง
                                 
การตั้งรับโดยมีผู้เล่นสกัดกั้น 3 คน             
การสกัดกั้นโดยใช้ผู้เล่น 3 คน มักใช้ในกรณีที่ผู้เล่นตัวตบของคู่ต่อสู้ตบบอลได้รุนแรงรับยาก ระบบนี้จะทำให้เหลือผู้เล่นตั้งรับเพียง 3 คน (ดูภาพประกอบ)
การตั้งรับการรุกจากหน้าซ้าย (หัวเสา)