18 พฤศจิกายน 2554
พื้นฐานรูปแบบการเล่นของทีมวอลเลย์บอล
วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมที่ประกอบด้วยผู้เล่นหลายคน ในการสร้างทีมวอลเลย์บอลจึงต้องพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ของการเล่นวอลเลย์บอลเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับทีม โดยองค์ประกอบในการเล่นที่ควรพิจารณาคือ
1. ตำแหน่งการเล่นของผู้เล่นในทีม
2. ตำแหน่งของผู้เล่นที่ลงสนาม 6 คน
3. รูปแบบการรับลูกเสริฟ
4. รูปแบบการรุก
5. รูปแบบการรองบอล
6. รูปแบบการรับตำแหน่งของผู้เล่นในทีมกระบวนการเริ่มแรกของการสร้างทีมวอลเลย์บอลเลย...
การยืนตำแหน่งหลังจากการเสริฟ
เมื่อทีมเป็นฝ่ายได้สิทธิ์ในการเสริฟ หลังจากที่ผู้เล่นเสริฟบอลไปแล้วผู้เล่นทุกคนจะต้องยืนประจำตำแหน่งของตนเองเพื่อเตรียมทำการป้องกันการรุกของคู่ต่อสู้ โดยทั่วไปรูปแบบของตำแหน่งหลังจากการเสริฟมีดังนี้
รูปแบบที่ 1
รูปแบบที่ 2
การรับลูกเสริฟ
การรับลูกเสริฟเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเล่นเป็นทักษะที่มีผลต่อการรุกของทีม หากการรับลูกเสริฟของทีมไม่มีประสิทธิภาพ โอกาสในการรุกทำคะแนนของทีมจะลดน้อยลงทันที
หลักการของการรับลูกเสริฟ – เป้าหมายของการรับลูกเสริฟคือการบังคับลูกบอลให้ลอยไปยังพื้นที่การเซตของผู้เล่นตัวเซตบริเวณหน้าตาข่าย ซึ่งในสถานการณ์แข่งขันผู้เล่นตัวเซตจะอยู่บริเวณส่วนใดหน้าตาข่ายอาจขึ้นอยู่กับแผนการรุก ไม่จำเป็นที่ผู้เล่นตัวเซตจะต้องอยู่ระหว่างตำแหน่ง 2 และ 3 เท่านั้น (ดูภาพประกอบ)
ตำแหน่งการยืนรับลูกเสริฟจะขึ้นอยู่กับความสามารถ ลักษณะการเสริฟของผู้เสริฟว่าเป็นอย่างไร หนัก เบา สั้นหรือยาว (ภาพประกอบ)
ทิศทางการเคลื่อนที่ในการรับลูกเสริฟ – การเคลื่อนที่รับลูกเสริฟ ผู้เล่นแต่ละตำแหน่งจะเคลื่อนที่ในแนวทแยงมุม 45 องศา
รูปแบบการรับลูกเสริฟ
รูปแบบการรับลูกเสริฟมีหลายรูปแบบในการเลือกใช้รูปแบบใดต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับความสามารถในการรับของผู้เล่นในทีม ระบบการรุกที่ทีมเลือกใช้
การรับแบบตัวเอ็ม W
การรับแบบตัวเอ็ม M
การรับแบบ Roof
การรุก
การรุกหรือโจมตีในกีฬาวอลเลย์บอลมี 2 วิธีหลักๆ คือ การตบและการหยอด ซึ่งการตบหรือหยอดก็จะมีหลากหลายรูปแบบ การใช้วิธีการตบลักษณะใดขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เล่น ประสบการณ์และคู่ต่อสู้
การตบบอลลักษณะต่าง ๆ
1. การตบบอลที่เซตสูง
2. การตบบอลเร็วหัวเสา
3. การตบบอลเร็วแบบต่างๆ
บอลเร็วหน้า (A หน้า) – กระโดดตบหน้าตัวเซตประมาณ 1 เมตร และกระโดดก่อนตัวเซตจะเซตบอล
บอลเร็วหลัง (A หลัง) - กระโดดตบหลังตัวเซตประมาณ 1 เมตร และกระโดดก่อนตัวเซตจะเซตบอล
บอลเร็วหน้าห่างตัวเซต (X หน้า) – กระโดดตบหน้าตัวเซตประมาณ 2-3 เมตร กระโดดพร้อมตัวเซตเซตบอล
บอลเร็วหน้าห่างตัวเซต (X หลัง) – กระโดดตบหลังตัวเซตประมาณ 2-3 เมตร กระโดดพร้อมตัวเซตเซตบอล
บอลเร็วหลัง (A หลัง) - กระโดดตบหลังตัวเซตประมาณ 1 เมตร และกระโดดก่อนตัวเซตจะเซตบอล
บอลเร็วหน้าห่างตัวเซต (X หน้า) – กระโดดตบหน้าตัวเซตประมาณ 2-3 เมตร กระโดดพร้อมตัวเซตเซตบอล
บอลเร็วหน้าห่างตัวเซต (X หลัง) – กระโดดตบหลังตัวเซตประมาณ 2-3 เมตร กระโดดพร้อมตัวเซตเซตบอล
การรับตบ
ระบบการตั้งรับ
ระบบการตั้งรับมีหลายแบบโดยพิจารณาจากความสามารถของผู้เล่น ระบบการสกัดกั้นของทีมจำนวนผู้สกัดกั้นการรุกของคู่ต่อสู้โดยทั่วไปจะมีดังนี้
1. การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 1 คน
2. การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 2 คน
3. การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 3 คน
2. การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 2 คน
3. การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 3 คน
การตั้งรับโดยมีผู้เล่นสกัดกั้น 2 คน
การสกัดกั้นโดยใช้ผู้เล่น 2 คน เป็นระบบการสกัดกั้นพื้นฐานที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการแข่งขันปัจจุบัน การตั้งรับโดยมีผู้สกัดกั้น 2 คนจากการรุกของคู่ต่อสู้ในลักษณะต่าง ๆ มีรูปแบบดังนี้
การตั้งรับการรุกจากหน้าซ้าย (หัวเสา)
ในการแข่งขันเรามักจะพบการรุกจากหัวเสามากที่สุดด้วยปัจจัยหลายอย่าง จากภาพประกอบรูปแบบ
การตั้งรับการรุกจากหัวเสาผู้เล่นตำแหน่ง 1 (หลังขวา) จะยืนห่างจากเส้นรุกประมาณ 2-3 เมตร ผู้เล่นตำแหน่ง 4 (หน้าซ้าย) จะต้องถอยมาตั้งรับบริเวณเส้นรุก
การตั้งรับการรุกจากหัวเสาผู้เล่นตำแหน่ง 1 (หลังขวา) จะยืนห่างจากเส้นรุกประมาณ 2-3 เมตร ผู้เล่นตำแหน่ง 4 (หน้าซ้าย) จะต้องถอยมาตั้งรับบริเวณเส้นรุก
การตั้งรับการรุกจากหน้าซ้าย (หัวเสา)
ผู้เล่นตำแหน่ง 3 (กลางหน้า) ถอยลงมารอรับลูกหยอด
การตั้งรับการรุกจากหน้าขวา (หัวเสาหลังตัวเซต) และตรงกลาง
การตั้งรับโดยมีผู้เล่นสกัดกั้น 3 คน
การสกัดกั้นโดยใช้ผู้เล่น 3 คน มักใช้ในกรณีที่ผู้เล่นตัวตบของคู่ต่อสู้ตบบอลได้รุนแรงรับยาก ระบบนี้จะทำให้เหลือผู้เล่นตั้งรับเพียง 3 คน (ดูภาพประกอบ)
การตั้งรับการรุกจากหน้าซ้าย (หัวเสา)
การตบ
การตบ (Spike) เป็นทักษะที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจในการแข่งขัน เป็นทักษะที่จูงใจให้เด็กๆ อยากเล่นวอลเลย์บอลมากที่สุด สำหรับเนื้อหาในตอนนี้เป็นภาพรวมในด้านต่างๆ เรื่องการตบเพื่อให้ผู้ฝึกสอนหรือนักกีฬาได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการฝึกซ้อมต่อไป
ท่าทางสำหรับการกระโดด
ในการกระโดดให้ได้สูงนั้นต้องใช้พลังและการทำงานที่ประสานกันของกล้ามเนื้อ นอกจากนั้นการจัดตำแหน่งของร่างกายให้ดีก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน หากผู้เล่นจัดตำแหน่งร่างกายไม่ดี งอตัวมุมของลำตัวมากหรือน้อยเกินไปก็อาจจะทำให้กระโดดได้ไม่สูง (ดูภาพประกอบ)
ผ
การบังคับทิศทางการตบ
การบังคับทิศทางการตบบอลเพื่อให้ลูกบอลพุ่งไปยังทิศทางที่ต้องการนั้น มี 2 วิธี คืออาจใช้วิธีการตบโดยสัมผัสบอล ณ ตำแหน่งต่างๆ ของลูกบอล เช่น ซ้าย กลาง หรือขวา ส่วนอีกวิธีหนึ่งเป็นการบังคับทิศทางการตบด้วยทิศทางการเข้าตบบอล มีวิธีการ 3 แบบดังนี้
1. การเคลื่อนที่แนวเส้นตรง
- การเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงในแนวตรง
การเคลื่อนที่เข้าตบบอลในแนวตรงเพื่อให้ทิศทางลูกบอลพุ่งตรงไปข้างหน้า (ดูภาพประกอบ)
- การเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงในแนวทแยงมุม
การเคลื่อนที่เข้าตบบอลในแนวทแยงมุมเพื่อให้ลูกบอลพุ่งไปตามแนวทแยงของฝั่งคู่ต่อสู้ (ดูภาพประกอบ)
2. เคลื่อนที่แนวเส้นโค้ง
เป็นการเคลื่อนที่ในลักษณะแนวโค้งเพื่อตบบอลทแยงมุม
3. เคลื่อนที่แนวตรงแต่เปลี่ยนเท้าขณะกำลังกระโดด
การเคลื่อนที่เข้าตบบอลในแนวตรงแต่ในจังหวะสุดท้ายก่อนกระโดดจะวางเท้าทแยงมุม เมื่อกระโดดลอยตัวอยู่บนอากาศลำตัวจะทแยงมุมกับตาข่าย (ดูภาพประกอบ)
A วิธีการก้าวเท้าเพื่อกระโดดตบ B วิธีการก้าวเท้าแต่เปลี่ยนทิศทางขณะจะทำการกระโดด
การตบเบาหรือหยอด
มีหลายครั้งที่เราจะเห็นว่าในการแข่งขันวอลเลย์บอลนั้น วิธีการเคาะบอลหรือหยอด มีประสิทธิภาพในการโจมตีคู่ต่อสู้มากกว่าการตบบอลหนัก ทุกๆ ทีมต้องมีจุดอ่อนที่ผู้เล่นสามารถใช้การหยอดโจมตีได้ ดังนั้นการฝึกวิธีการหยอดก็เป็นเรื่องจำเป็นเพราะสามารถนำไปใช้ในการแข่งขันจริงได้ (ดูภาพประกอบ)
เทคนิคการตบเมื่อคู่ต่อสู้สกัดกั้นได้ดี
เมื่อคู่แข่งเป็นผู้เล่นที่มีความสูง มีการสกัดกั้นที่ดี ผู้เล่นตัวตบต้องพยายามเล่นบอลโดยไม่ให้เสียคะแนนจากการสกัดกั้น โดยอาจจะใช้วิธีการตบบอลดังนี้
- การตบบอลให้สัมผัสแนวสกัดกั้นออก หรือที่เรียกกันว่า “ตบทัชบอล” (ดูภาพประกอบ)
- การเคาะบอลเบาๆ กระทบแนวสกัดกั้นเพื่อให้บอลกระดอนกลับมาให้เพื่อนร่วมทีมสามารถนำมาเล่นได้อีกครั้ง เรียกว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากการสกัดกั้นของคู่ต่อสู้
การตบบอลเร็ว (Quick spike)
การตบบอลเร็วเป็นเทคนิคการตบที่อาจทำให้ผู้สกัดกั้นไม่สามารถสกัดกั้นได้ทัน การตบบอลเร็วจะใช้ได้ดีสำหรับทีมที่มีการฝึกซ้อมกันมาเป็นอย่างดี โดยรูปแบบตำแหน่งการตบบอลเร็วพื้นฐานหลักๆ มีอยู่ 4 แบบ
- บอล A หน้า (Quick A) บอลเร็วด้านหน้าใกล้ตัวเซต
- บอล X หน้า (Quick B) บอลเร็วด้านหน้าห่างตัวเซต
- บอล A หลัง (Quick C) บอลเร็วด้านหลังใกล้ตัวเซต
- บอล X หลัง (Quick D) บอลเร็วด้านหลังห่างตัวเซต
หมายเหตุ A และ X เป็นรหัสที่รู้จักกันในประเทศไทย ส่วนในวงเล็บเป็นรหัสที่เรียกกันสากลทั่วไป
การรับเสริฟ
ขั้นตอนการสอนทักษะการรับเสริฟ
ขั้นตอนที่ 1 รับลูกเสริฟด้านหน้า
จุดสำคัญในการสอน : ใช้หลักพื้นฐานการส่งบอล เคลื่อนที่ส่งบอล เคลื่อนที่ให้ลูกบอลอยู่หน้าลำตัว ลำตัวย่อต่ำและสายตาจ้องที่ลูกบอล
ขั้นตอนที่ 2 ย่อตัวต่ำรับลูกเสริฟ
จุดสำคัญในการสอน : เคลื่อนที่ย่อตัวใต้ลูกบอล
ขั้นตอนที่ 3 การรับลูกเสริฟด้านข้าง
จุดสำคัญในการสอน : เคลื่อนที่ไปด้านข้างด้วยวิธีก้าวเท้าเท่านั้นไม่ใช้ไขว้เท้า
16 พฤศจิกายน 2554
การเสิร์ฟ
ขั้นตอนการสอนทักษะการเสริฟ
ขั้นตอนที่ 1 การเสริฟมือล่าง
จุดสำคัญในการสอน : ประยุกต์เทคนิคการส่งลูกมือเดียวมาใช้ เหวี่ยงแขนพร้อมยืดตัวขึ้น แขนไม่แกว่ง
ขั้นตอนที่ 2 การเสริฟมือบน
จุดสำคัญในการสอน : ลำตัวตรง โยนบอลไม่สูงเกินไป ใช้ข้อมือขณะตีบอล
ขั้นตอนที่ 3 การเหวี่ยงแขนเสริฟมือบนเปลี่ยนทิศทาง
จุดสำคัญในการสอน : โยนบอลไม่สูงเกินไป เหวี่ยงแขนไปด้านหลังงอศอก เหวี่ยงแขนกลับข้ามหัวไหล่ ใช้ข้อมือตีบอล ขณะตีบอลให้หยุดเหวี่ยงแขน
ขั้นตอนที่ 4 เหวี่ยงแขนเสริฟมือบน
จุดสำคัญในการสอน : โยนบอลให้สูงกว่าขั้นตอนที่ 3 เหวี่ยงแขนไปด้านหลังแล้วเหวี่ยงแขนกลับโดยยืดแขนและลำตัวตีบอล
11 พฤศจิกายน 2554
กติกาการแข่งขันวอลเลย์บอล
กติกาการแข่งขันวอลเลย์บอล เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เล่นทุกคนต้องเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนที่จะเริ่มเล่นเป็นทีมต่อไป การเล่นเป็นทีมหรือขณะฝึกซ้อม ต้องพยายามปฏิบัติตามกฎระเบียบ กติกาที่กำหนด เพื่อให้เกิดความเคยชิน และเข้าใจเกมการเล่นที่ถูกต้อง ผู้เล่นคนใดไม่สามารถ ทำความเข้าใจกติกาการแข่งขันอาจเกิดเป็นข้อเสียเปรียบได้โดยง่าย ฉะนั้นผู้ที่เริ่มเล่นใหม่ต้องคอย ติดตามศึกษากฎกติกาอยู่เสมอ กติกาอาจมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อให้เกิดความปลอดภัย กับผู้เล่น หรือเพิ่มความสนุกสนานในเกมการแข่งขัน กติกาการแข่งขันวอลเลย์บอลนานาชาติ จะถูกเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทุก 4 ปี
ลักษณะของการแข่งขัน
วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่เล่นโดยทีมสองทีมบนสนามที่แบ่งแดนด้วยตาข่าย
จุดมุ่งหมายในการแข่งขัน
การส่งลูกข้ามตาข่ายให้ตกลงบนพื้นในแดนของทีมตรงข้าม และป้องกันไม่ให้ทีม
ตรงข้ามส่งลูกข้ามตาข่ายมาตกบนพื้นในแดนของตน แต่ละทีมจะเล่นลูกได้ 3 ครั้งในการส่งลูกบอลไปยังแดนของทีมตรงข้าม
การแข่งขัน
การเล่นจะเริ่มต้นเมื่อทำการเสิร์ฟลูกบอล โดยผู้เสิร์ฟส่งลูกข้ามตาข่ายไปยังทีมตรงข้าม
การเล่นลูกจะดำเนินไปจนกว่าลูกบอลตกลงบนพื้นในเขตสนามหรือนอกเขตสนาม หรือทีมไม่สามารถส่งลูกบอลกลับไปยังทีมตรงข้ามได้อย่างถูกต้องตามกติกา
ทีม
ทีมประกอบด้วยผู้เล่นไม่เกิน 12 คน ผู้เล่นคนหนึ่งของทีมจะต้องเป็นหัวหน้าทีม
ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทีมในการติดต่อกับผู้ตัดสิน
การได้คะแนน
จะมีการได้คะแนนทุกครั้งเมื่อมีการเล่นลูก ถ้าทีมที่เป็นฝ่ายชนะการเล่นลูกเป็นฝ่ายรับลูกเสิร์ฟจะได้คะแนน พร้อมทั้งได้สิทธิทำการเสิร์ฟ และผู้เล่นต้องหมุนตามเข็มนาฬิกาไป 1 ตำแหน่ง
การชนะในแต่ละเซต
ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนก่อน และมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน
จะเป็นทีมชนะการแข่งขันในเซตนั้น ถ้าทำคะแนนได้ 24 คะแนนเท่ากัน จะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งจะทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน (26 : 24, 27 : 25)
การชนะการแข่งขัน
ทีมที่ชนะ 3 เซต เป็นทีมที่ชนะการแข่งขันนัดนั้น ในกรณีที่ได้เซตเท่ากัน 2 : 2
การแข่งขันเซตตัดสิน (เซตที่ 5) จะแข่งขันกัน 15 คะแนน และต้องมีคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด2 คะแนน
การเสี่ยง
ก่อนการแข่งขันผู้ตัดสินจะทำการเสี่ยงเพื่อตัดสินว่า ทีมใดจะเสิร์ฟก่อน หรืออยู่ในแดนใด ในเซตที่ 1 ถ้าต้องแข่งขันในเซตตัดสิน จะต้องทำการเสี่ยงใหม่อีกครั้งหนึ่ง ผู้ชนะการเสี่ยงจะได้สิทธิเลือกเสิร์ฟ หรือรับลูกเสิร์ฟก่อน หรือเลือกแดนใดแดนหนึ่งของสนามก็ได้ ผู้แพ้การเสี่ยงจะได้รับส่วนที่เหลือ
การเปลี่ยนตัวผู้เล่น
ทีมหนึ่งจะเปลี่ยนตัวได้มากที่สุด 6 คนต่อเซต การเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งจะเปลี่ยนเพียง 1 คน หรือมากกว่าก็ได้ ผู้เล่นที่เริ่มต้นเล่นในเซตนั้น จะเปลี่ยนตัวได้หนึ่งครั้ง และกลับเข้าไปเล่นได้อีก
หนึ่งครั้งกับคู่ที่เคยเปลี่ยนกัน ส่วนผู้เล่นสำรองจะเปลี่ยนตัวเข้าแทนผู้เล่นที่เริ่มต้นเล่นในเซตนั้นได้เพียงครั้งเดียวในแต่ละเซต และผู้เล่นที่จะเปลี่ยนตัวเข้ามาแทนผู้เล่นสำรองต้องเป็นผู้เล่นคนเดิม
ที่เคยเปลี่ยนตัวกันเท่านั้น
การขอเวลานอก
การขอเวลานอกแต่ละครั้งมีเวลา 30 วินาที ในแต่ละเซตทีมหนึ่งจะขอเวลานอกได้อย่างมาก
ที่สุด 2 ครั้ง สำหรับในเซตปกติจะให้เวลานอกทางเทคนิคเมื่อทีมใดนำไปถึงคะแนนถึงที่ 8
และคะแนนที่ 16 ครั้งละ 60 วินาที ส่วนเซตตัดสินจะไม่มีการให้เวลานอกทางเทคนิค
การหยุดพักระหว่างเซต
การหยุดพักระหว่างเซตพักได้ 3 นาที ระหว่างการหยุดพักจะทำการเปลี่ยนแดน
การเปลี่ยนแดน
เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแต่ละเซตทั้งสองทีมจะเปลี่ยนแดน ยกเว้นเซตตัดสินที่ต้องทำการเสี่ยงใหม่ก่อน ในเซตตัดสินทีมที่ทำได้ 8 คะแนนจะทำการเปลี่ยนแดนทันที และตำแหน่งของผู้เล่น
ให้เป็นไปตามเดิม
สนามแข่งขัน
สนามต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 18 X 9 เมตร ล้อมรอบด้วยเขตสนาม กว้างอย่างน้อยที่สุด 3.00 เมตร รอบด้าน
ที่ว่างสำหรับผู้เล่นคือ ที่ว่างเหนือพื้นที่เล่นลูกซึ่งไม่มีสิ่งใดกีดขวางอย่างน้อยที่สุด 7.00 เมตร สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) และการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เขตรอบสนามต้องกว้างอย่างน้อยที่สุด 5.00 เมตร จากเส้นข้าง 8.00 เมตร จากเส้นหลังและที่ว่างสำหรับเล่นลูกต้องสูงจากพื้นขึ้นไปอย่างน้อยที่สุด 12.50 เมตร
ความสูงของตาข่าย
ความสูงของตาข่ายสำหรับทีมชายสูงจากพื้น 2.43 เมตร สำหรับทีมหญิงสูง 2.24 เมตร
ลักษณะในการเล่น
วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่มีลูกอัดด้วยลมเป็นอุปกรณ์ในการเล่น และเล่นในพื้นที่ซึ่งถูกแบ่งครึ่งด้วยตาข่าย โดยมีลักษณะการเล่นทั่วๆไปดังนี้
1.จุดมุ่งหมายการเล่น วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตั้งแต่ศรีษะจนถึงเท้าเล่นลูกบอล ซึ่งอาจตี ตบ ต่อยให้ลูกบอลไปตกในพื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามและในขณะเดียวกันต้องพยายามรักษาพื้นที่ไม่ให้ลูกบอลตกในแดนของตนด้วย
2.ผู้เล่น การเล่นครั้งหนึ่งๆ โดยทั่วไปจะมีผู้เล่นฝ่ายละ 6 คน มีผู้เล่นสำรองอยู่นอกสนามอีกฝ่ายลำไม่เกิน 6 คน ซึ่งจะเปลี่ยนเข้าไปเล่นกันได้ตามกติกาการเปลี่ยนตัวผู้เล่นปัจจุบันมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด และมีการจัดการแข่งขันประเภทต่างๆซึ่งช่วยส่งเสริมให้กีฬาวอลเลย์บอลพัฒนาการเล่นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้เล่นอาจจะมีฝ่ายหนึ่งน้อยกว่า 6 คน ก็ได้
3.สถานที่ใช้เล่น สนามที่ใช้เล่นมีขนาด กว้าง 9 เมตร ยาว 18 เมตร มีตาข่ายกั้นกลางสนาม ผู้ชายใช้ตาข่ายสูง 2.43 เมตร ผู้หญิงใช้ตาข่ายสูง 2.24 เมตร สำหรับความสูงของตาข่ายนี้อาจจะลดลงมาได้อีก ตามที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจะกำหนดตามความเหมาะสม
4.การเล่น การเล่นเริ่มด้วยทีมที่ชนะการเสี่ยงอาจจะเลือกเสริฟ์หรือเลือกแดนหรือเลือกรับลูกเสริฟ์อย่างใดอย่างหนึ่ง การเสริฟ์จะต้องเสริฟ์ภายในเขตเสริฟ์ให้ลูกข้ามตาข่ายไปยังฝ่ายรับ จากนั้นทั้งสองฝ่ายต้องพยายามโต้ลูกกลับไปมา โค้ชอาจจะขอเวลานอกหรือขอเปลี่ยนตัวผู้เล่น การเล่นจะดำเนินต่อไปตามกติกา
5.การได้คะแนน ถ้าทีมใดที่ไม่สามารถรับลูกบอลที่ข้ามตาข่ายมาได้ตามกติกาหรือเล่นผิดกติกา ผลที่ตามมาคือทีมนั้นเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกส่วนทีมตรงข้ามเป็นฝ่ายชนะการเล่นลูกและคะแนน ซึ่งถ้าทีมตรงข้ามเป็นฝ่ายเสริฟ์ก็จะได้เสริฟ์ต่อไป แต่ถ้าเป็นฝ่ายรับลูกเสริฟ์จะได้สิทธิทำการเสริฟ์และได้คะแนน การได้คะแนนจะได้ครั้งละ 1 คะแนน
6.การแพ้ชนะ ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนก่อนและมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน จะเป็นทีมที่ชนะการแข่งขันในเซตนั้น แต่ถ้าทำได้ 25 คะแนนเท่ากันจะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่ง 2 คะแนน เช่น 26-24 , 27-25 เป็นต้น ในกรณีที่ได้เซตเท่ากัน 2:2 การแข่งขันเซตตัดสิน (เซตที่ 5 ) จะแข่งขันกันเพียง 15 คะแนน และทีมที่ชนะการแข่งขันต้องมีคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน แต่ถ้าทำได้ 14 คะแนนเท่ากัน จะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งจะทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่ง 2 คะแนน เช่น 16-14 , 17-15 เป็นต้น เมื่อเล่นชนะกัน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 เซต (แล้วแต่จะกำหนดกันก่อนการแข่งขันว่าจะแข่งขันกัน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 เซต ) ก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะ
1.จุดมุ่งหมายการเล่น วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตั้งแต่ศรีษะจนถึงเท้าเล่นลูกบอล ซึ่งอาจตี ตบ ต่อยให้ลูกบอลไปตกในพื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามและในขณะเดียวกันต้องพยายามรักษาพื้นที่ไม่ให้ลูกบอลตกในแดนของตนด้วย
2.ผู้เล่น การเล่นครั้งหนึ่งๆ โดยทั่วไปจะมีผู้เล่นฝ่ายละ 6 คน มีผู้เล่นสำรองอยู่นอกสนามอีกฝ่ายลำไม่เกิน 6 คน ซึ่งจะเปลี่ยนเข้าไปเล่นกันได้ตามกติกาการเปลี่ยนตัวผู้เล่นปัจจุบันมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด และมีการจัดการแข่งขันประเภทต่างๆซึ่งช่วยส่งเสริมให้กีฬาวอลเลย์บอลพัฒนาการเล่นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้เล่นอาจจะมีฝ่ายหนึ่งน้อยกว่า 6 คน ก็ได้
3.สถานที่ใช้เล่น สนามที่ใช้เล่นมีขนาด กว้าง 9 เมตร ยาว 18 เมตร มีตาข่ายกั้นกลางสนาม ผู้ชายใช้ตาข่ายสูง 2.43 เมตร ผู้หญิงใช้ตาข่ายสูง 2.24 เมตร สำหรับความสูงของตาข่ายนี้อาจจะลดลงมาได้อีก ตามที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจะกำหนดตามความเหมาะสม
4.การเล่น การเล่นเริ่มด้วยทีมที่ชนะการเสี่ยงอาจจะเลือกเสริฟ์หรือเลือกแดนหรือเลือกรับลูกเสริฟ์อย่างใดอย่างหนึ่ง การเสริฟ์จะต้องเสริฟ์ภายในเขตเสริฟ์ให้ลูกข้ามตาข่ายไปยังฝ่ายรับ จากนั้นทั้งสองฝ่ายต้องพยายามโต้ลูกกลับไปมา โค้ชอาจจะขอเวลานอกหรือขอเปลี่ยนตัวผู้เล่น การเล่นจะดำเนินต่อไปตามกติกา
5.การได้คะแนน ถ้าทีมใดที่ไม่สามารถรับลูกบอลที่ข้ามตาข่ายมาได้ตามกติกาหรือเล่นผิดกติกา ผลที่ตามมาคือทีมนั้นเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกส่วนทีมตรงข้ามเป็นฝ่ายชนะการเล่นลูกและคะแนน ซึ่งถ้าทีมตรงข้ามเป็นฝ่ายเสริฟ์ก็จะได้เสริฟ์ต่อไป แต่ถ้าเป็นฝ่ายรับลูกเสริฟ์จะได้สิทธิทำการเสริฟ์และได้คะแนน การได้คะแนนจะได้ครั้งละ 1 คะแนน
6.การแพ้ชนะ ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนก่อนและมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน จะเป็นทีมที่ชนะการแข่งขันในเซตนั้น แต่ถ้าทำได้ 25 คะแนนเท่ากันจะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่ง 2 คะแนน เช่น 26-24 , 27-25 เป็นต้น ในกรณีที่ได้เซตเท่ากัน 2:2 การแข่งขันเซตตัดสิน (เซตที่ 5 ) จะแข่งขันกันเพียง 15 คะแนน และทีมที่ชนะการแข่งขันต้องมีคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน แต่ถ้าทำได้ 14 คะแนนเท่ากัน จะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งจะทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่ง 2 คะแนน เช่น 16-14 , 17-15 เป็นต้น เมื่อเล่นชนะกัน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 เซต (แล้วแต่จะกำหนดกันก่อนการแข่งขันว่าจะแข่งขันกัน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 เซต ) ก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)